วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2561

การเริ่มต้นดูแลตัวเองเพื่ออนาคต

 พ่อแม่มักเริ่มต้นด้วยการจัดแจง ให้ลูกไปเรียนพิเศษวันเสาร์ อาทิตย์ ไปเรียนพิเศษเต็มวันเรียนวิทย์ คณิต ศิลปะ ดนตรี กีฬาเรียกว่าครบเครื่องเลยทีเดียวทั้งที่ เราควรเริ่มจากสิ่งที่ลูกอยากจะเรียนเสียก่อนเพียงอย่าง สองอย่าง เพื่อไม่ไม่ให้ลูกเครียดจนเกินไป
  ตัวเราเองเช่นกันก็ต้องหันกลับมาดูแลตัวเอง สุขภาพสมองของเราเองเป็นอย่างไรบ้าง วันเวลาผ่านไปได้รับการดูแลพัฒนาบ้างหรือยัง ได้อ่านหนังสือพิมพ์ อ่านนิทานภาษาอังกฤษบ้างหรือไม่ ทักษะการคำนวณขั้นพื้นฐาน โดนลูกไล่ตามมา พัฒนาตามมาจนแซงหน้าเราไปหรือยัง เช่นถ้าเอาการบ้านลูกมาทำแข่่งกันเรายังทำได้หรือไม่ หรือถ้าแข่งกันเล่นเกมส์บางอย่างที่ลูกชอบฝีมือยังสูสีกันหรือไม่ นี่คือศักยภาพของผู้ใหญ่ทุกท่านต้องหันกลับมาปรับปรุง พัฒนา หาทาง พิจารณาวางแผนการระยะยาวเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ถ้าใช้คำง่ายๆก็คือถ้าลูกต้องเก่ง ต้องฉลาดขึ้น พ่อแม่ก็ต้องทำให้ได้เช่นกัน นี่คือแนวคิดใหม่ที่ผมคิดว่าเราต้องหันกลับมาทำให้เกิดขึ้นในสังคมผู้สูงอายุในอนาคต ซึ่งจะทำให้ผู้สูงอายุอย่างเราเข้าใจและพัฒนาตัวเอง ดูแลตัวเองได้ แล้วจึงจะสามารถให้คำแนะนำแก่ลูกๆได้  ทำเถอะครับ เพื่อคนที่คุณรัก จะได้ไม่เป็นภาระให้ลูกหลาน
  ผมเองอยู่ในวงการติวเตอร์คณิต มักเห็นผู้ปกครองซึ่งอยากให้ลูกเก่งวิชาคำนวณอยู่เสมอ ให้ลูกไปเรียนทุกที่ที่ติวเตอร์มีผลงานที่ดี ผลลัพธ์เป็นอย่างไร ในเมื่อเราเรียนกับครูคณิตที่เก่งมากถึง 3-4 คน ทั้งครตู้ ครูจริงตัวเป็นๆ แต่ละคนสอนไปกันคนละแนว คนละทิศละทางเลยครับได้ความรู้มากมาย กระจายไปซะทุกจุด แต่จับหลัก จัปประเด็นสำคัญอะไรแทบไม่ได้เลย เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ  นี่คือปัญหาที่สำคัญของครูคณิตเลยครับทุกคนมี basic และ style ที่แตกต่างกัน ผมขอแนะนำว่าควรลดขนาดแม่น้ำเหลือเพียงบ่อน้ำจะดีกว่า เหลือเฉพาะครูที่ลูกคุณชอบ พอใจจริงๆเพียงหนึ่งหรือสองคนเท่านั้นเพื่อตัดปัญหาที่กล่าวมาจับหลัก จับประเด็นให้ได้ แก้ปัญหาข้อหลักๆได้เสียก่อน แล้วค่อยมาว่าด้วยโจทย์ระดับ advance .ในภายหลัง ถ้าให้ดีต้องเลือกครูที่สามารถดูแลระยะยาวได้ตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยมเพื่อกระชับ เชื่อมโยง ความรู้ทั้งหมดของลูกให้เป็นปีกแผ่นเลยยิ่งดีครับ นี่คือสิ่งที่ kitkanid มีความเชื่อว่าทำได้และยินดีให้คำปรึกษากับทุกท่าน ทั้งบุตรหลาน ผู้ปกครอง พยายามทำให้อนาคตของพวกเราดียิ่งๆขึ้น
  ด้านการออกกำลังกายส่วนอื่นนอกจากสมองก็สำคัญเช่นกัน ถ้าเราไม่รู้จะทำอะไรลุกขึ้นมายืนซักหน่อย เดินไปเดินมา หาเลขง่านๆขึ้นมาบวก ลบ ลองท่องสูตรคูณ หา หรม. อะไรก็ได้ที่ได้ใช้สมอง ความจำ ได้วาดได้เขียนอะไรเล็กน้อยก็ยังดี ถ้าใครที่ชอบความสงบก็นั่งสมาธิก็ได้ แต่เราจะใช้ทั้งยุบหนอ พองหนอ หายใจเข้าพองหนอ พุงป่องเลย หายใจออก พุงแฟบ นับให้ได้  1-10 ในรอบแรก รอบต่อไป 1-9 รอบต่อไป 1-8 ลดลงเรื่อย พอเหลือ 1 ก็เพ่ิมเขึ้นโดยทำเป็นรอบๆ อาจเป็นรอบของจำนวนคู่ จำนวนคี่ จำนวนเฉพาะ จำนวนที่เป็นจำนวนเฉพาะสัมพัทธ์กับ 10 ก็จะทำให้เราเข้าใจ fermat little theorem ได้อีกทางฝึกสมอง ฝึกความจำ เพ่ิมสมาธิ เหมือนกับบางคนที่มีการฝึกนอนสมาธิก็มี  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น